จะดีกว่ามั้ย เป็นเบาหวานแล้วแต่ไตยังแข็งแรง

จะดีกว่ามั้ย เป็นเบาหวานแล้วแต่ไตยังแข็งแรง

[โรคเบาหวานลงไต]

เบาหวานทำให้เกิดโรคไต จริงหรือไม่ ?

    • การมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงในผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลเสียต่อผนังหลอดเลือดโดยเฉพาะผนังหลอดเลือดฝอยที่ไต ทำให้เสียการทำงานของไต ทำให้พบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ  นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อบ่อยครั้ง ส่งผลต่อเนื้อไต และทำให้เกิดโรคเบาหวานลงไตได้
    • โรคเบาหวานลงไต มีอาการอย่างไร ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นตามมามีอะไรบ้าง

อาการระยะเริ่มต้น : ปัสสาวบ่อย ปัสสาวะเป็นฟอง

อาการระยะท้าย : อาการของไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้แก่ อ่อนเพลีย ซีด บวม เหนื่อย สมดุลเกลือแร่และความเป็นกรดด่างในร่างกายผิดปกติ

  • ความสำคัญ: หากมีปัญหาเบาหวานลงไตแล้ว มีโอกาสเกิดไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งนำไปสู่การบำบัดทดแทนไตเพิ่มขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมได้ดี
  • ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานลงไต
  • ระดับน้ำตาลที่สูงมาก ควบคุมไม่ดี
  • เบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนโรคทางหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น เบาหวานขึ้นจอประสาทตา
  • ระดับความดันโลหิตสูง ควบคุมไม่ดี ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
  • ระดับไขมันในเลือดสูง
  • การสูบบุหรี่
  • ภาวะอ้วน
  • มีประวัติไตวายเรื้อรังใน ญาติสายตรงในครอบครัว
  • ท่านใดที่เป็นเบาหวานแล้วมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว มีโอกาสทำให้เกิดโรคเบาหวานลงไตได้มากขึ้น นอกจากนี้โรคเบาหวานลงไตมีการดำเนินโรคที่แย่ลงอย่างรวดเร็ว หากมีปัจจัยกระตุ้น ดังต่อไปนี้ เช่น การติดเชื้อในร่างกาย โดยเฉพาะการติดเชื้อทางปัสสาวะ การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ท่อไตบวม รวมถึงนิ่วในไต  และการใช้ยาที่เป็นพิษต่อไต
  • วิธีการคัดกรองหาโรคเบาหวานลงไต
  • ตรวจเลือด : ตรวจอัตราการกรองไต (eGFR), ค่าการทำงานของไตและของเสีย (BUN/Creatinine)
  • ตรวจปัสสาวะ : ตรวจปัสสาวะทั่วไป (urinalysis) ตรวจหาโปรตีนไข่ขาวในปัสสาวะ (urine microalbumin)
    • *** หากเป็นเบาหวานแล้ว การตรวจติดตามคัดกรองโรคเบาหวานลงไตมีความจำเป็นอย่างมากถึงแม้จะไม่มีอาการผิดปกติ การมีอาการผิดปกติแปลว่าไตได้รับผลกระทบจากเบาหวานมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว *
      • วิธีการรักษาและป้องกันโรคเบาหวานลงไต :ใช้หลัก* 7 คุม 2 งด*
      • 1 คุม ระดับน้ำตาลในเลือด HbA1C <6.5-7 # คุมอาหารรสหวาน รับประทานหรือฉีดยาลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการไปพบแพทย์ตามนัด
      • 2 คุม ความดันโลหิต <130/80 mmHg และควรใช้ยาลดความดันโลหิตกลุ่มที่สามารถชะลอความเสื่อมของไตได้ เช่น ACEi, ARB
      • 3 คุม ระดับไขมัน LDL -C <100 mg/dL
      • 4 คุม อาหารเค็ม ลดอาการบวมน้ำ
      • 5 คุม อาหารโปรตีนสูง # ผลการศึกษาพบว่า การรับประทานอาหารโปรตีนต่ำ ที่เป็นโปรตีนคุณภาพดี ตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถชะลอการเสื่อมของการทำงานของไตได้
      • 6 คุม น้ำหนักตัว
      • 7 คุม การออกกำลังกาย # ควรออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์
      • 1 งด การสูบบุหรี่ # การงดสูบบุหรี่ทำให้ลดการรั่วของโปรตีนไข่ขาวในปัสสาวะ และสามารถชะลอการเสื่อมของไตได้
      • 2 งด ยาที่มีผลเสียต่อไต เช่น ยาแก้ปวดชนิด NsAIDs , ยาสมุนไพร , ยาลูกกลอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : พญ. เนสินี เก้าเอี้ยน