5 โรคหน้าหนาวต้องพึงระวัง!!

5 โรคหน้าหนาวต้องพึงระวัง!!
เรื่องของอากาศหนาว ๆ หลายคนคงชอบกันไม่น้อย แต่รู้หรือไหมสภาพอากาศที่หนาวเย็นนมักจะมาพร้อมเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่อาจนำพาโรคภัยนำมาสู่เราได้เช่นกัน

  1. โรคไข้หวัด
    เป็นโรคที่พบบ่อยขึ้นในช่วงฤดูหนาว เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก คัดจมูก  แต่ส่วนใหญ่จะหายได้เอง แนะนำให้พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำให้บ่อย ช่วงที่มีไข้ก็รับประทานยาลดไข้พาราเซตตามอล ทานยาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องทานยาปฎิชีวนะ แต่หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันนาน แนะนำให้รีบมาพบแพทย์
    การป้องกัน คือใส่หน้ากากอนามัย เวลาอยู่ในที่แออัด
  2. โรคไข้หวัดใหญ่  ซึ่งมีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ A , B และ C สายพันธุ์ A และ B เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เป็นโรคที่มีการระบาดช่วงหน้าหนาว การติดต่อเกิดจากการสัมผัสน้ำมูก น้ำลายเสมหะผู้ป่วย และเมื่อผู้ป่วยเกิดการไอหรือจาม ทำให้เกิดละอองฝอยเมื่อหายใจเข้าไปเกิดการติดเชื้อได้
    อาการไม่รุนแรงในคนสุขภาพดี แต่หากเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว โรคเบาหวาน หัวใจ โรคไตวาย โรคหอบหืด อาจทำให้มีอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบรุนแรงได้ ยิ่งห่างมีการติดเชื้อแบคที่เรียซ้ำซ้อน อาจทำให้อาการหนักขึ้น ต้องนอนโรงพยาบาล
    อาการจะรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป  จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น  ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและศีรษะอย่างรุนแรง และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งอาการจะเกิดมากใน 3-4  วันแรก การเป็นผู้ป่วยสูงอายุ อาการอาจไม่ชัดเจน อาจมีเพียงแค่ อ่อนเพลีย ซึม ทานได้น้อย
    ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเปราะบาง แนะนำรีบมาพบแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยได้รวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้น การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การใส่หน้ากากอนามัย เมื่อต้องไปในสถานที่แออัด หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือบ่อย ด้วยน้ำสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์  20 วินาที รวมถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนทุกปี เพราะสามารถลดอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล  ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้
    กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และควรได้รับการป้องกันด้วยวัคซีน ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 และ 3  และ ผู้หญิงที่อยู่ในระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอด ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอด ความผิดของตับไต
  3. โรคอีสุกอีใส   มักจะเกิดการระบาดในช่วงฤดูหนาว เกิดจากเชื้อไวรัส varicella virus  ติดต่อจากการสัมผัสตุ่มน้ำใสของผู้ป่วยและใช้ของใช้ร่วมกัน
    อาการจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ ไข้ต่ำ มีผื่นแดง ตุ่มใสขึ้นตามร่างกาย ใบหน้า ลามไปที่แขนขา  คัน ต่อมาจะกลายเป็นหนอง หลังจากนั้นจะแห้งและตกสะเก็ดค่อย ๆ หลุดไปกลายเป็นจุดด่างดำ และอาจทิ้งรอยแผลเป็น แต่หากเป็นกลุ่มผู้ป่วยเปราะบาง ในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้ เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ
    การป้องกัน ผู้ที่เคยเป็นโรคไข้สุกใสแล้วจะไม่เป็นซ้ำ แต่หากไม่เคยเป็นโรคนี้ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัส ฉะนั้นเมื่อพบผู้ที่เป็นโรคนี้ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน หรือสัมผัสถูกตัว  รวมถึง   สามารถฉีดวัคซีนไว้ก่อนจะดีที่สุด ในผู้ใหญ่ ควรได้รับการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม  เข็มแรกและเข็มที่ 2 ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
  4. โรคหัด  เกิดจากเชื้อไวรัส Rubeola virus ติดได้ง่ายและรวดเร็ว  อาการจะมีลักษณะเหมือนไข้หวัด มีไข้ ไอ น้ำมูก ตาแดง  มีจุดขาวขึ้นในปาก  มักจะมีผื่นหลังจากมีไข้ ประมาณ  4 วัน และอาการจะดีขี้นเรื่อย  และหายได้เอง มักพบบ่อยในเด็กเล็ก หรือผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโรคหัด
    โรคนี้ยังไม่มียารักษาโดยตรง  การรักษาจึงสามารถรักษาตามอาการจนกว่าจะหาย และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ   หากสงสัยเป็นโรคนี้ ให้รีบมาพบแพทย์   นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่สามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่เด็กด้วย
  5. โรคภูมิแพ้  ช่วงหน้าหนาวในผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้เดิมอาจมีอาการกำเริบขึ้น  โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
    อาการ ได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา จาม บางรายมีผื่นคันตามผิวหนัง  เนื่องจากอากาศเย็นและแห้งผิวหนังเสียความชุ่มชึ่น ยิ่งหากมีโรคหอบหรือโรคปอด อาจกระตุ้นให้มีหลอดลมตีบลง อาการกำเริบได้   ให้ทานยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ   หากมีโรคหอบ ให้พกยาขยายหลอมลมติดตัวไว้เสมอ
    การป้องกัน แนะนำสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นเสมอ หลีกเลี่ยงการไปในที่อากาศเย็นจัด ระหว่างอาบน้ำไม่ควรขัดผิวหนังแรงจนเกินไป และ ทาครีมโลชั่นให้ผิวชุ่มชื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก พญ.กรุณา อธิกิจ